loader image

บทบาทของ SOFT POWER สำคัญอย่างไรต่อประเทศ จากบทสัมภาษณ์ผ่านมุมมองของ “คุณแชมป์ ฤทธิกร มหาคชาภรณ์”

Soft Power มีความสำคัญอย่างไรกับประเทศไทย

Soft power มีความสำคัญต่อทั้งโลกไม่ใช่กับแค่ในประเทศ โดยมีความสำคัญทั้งสองด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ และ การเมือง ถ้าพูดถึง Soft power เป็นสิ่งที่มีต้นตอมาจากความคิด การที่เราสามารถพัฒนาความคิดให้เกิดเป็นอุตสาหกรรม และสามารถทำให้อุตสาหกรรมนั้นเกิดประสิทธิภาพที่สูงสุดได้ นั่นคือการสร้างนวัตกรรมให้กับวัฒนธรรมนั้นเกิดขึ้น ซี่งการสร้างนวัตกรรมให้วัฒนธรรมเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยหรือประเทศอื่น ๆ บนโลก สามารถสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ที่มีขนาดใกล้เคียง หรือ เทียบเท่า กับอุตสาหกรรมที่เป็นรายได้หลักของประเทศเดิมอยู่แล้วได้ ซึ่งถ้าสร้างนวัตกรรมให้กับวัฒนธรรมของคนไทยได้ จะมีโอกาสที่ขยายเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับสากลได้นั่นคือความสำคัญของ “Soft Power”

วัฒนธรรม / นวัตกรรม

ความเป็นจริงคือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นคือ นวัตกรรม แต่สิ่งที่ทำซ้ำต่อเนื่องมาเป็นเวลานานจนกลายเป็นจารีต คือ วัฒนธรรม แต่สองอย่างนี้เมื่อรวมกันแล้ว ไม่ได้มีค่าเท่ากับสอง แต่มีค่ามากกว่าสาม สี่ หรือ สิบเป็นต้นไป ทั้งสองอย่างนี้เป็นการรวมกันของสองสิ่งที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันเข้ามารวมไว้ด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น คนแรกที่เอายางลบมาใส่ไว้ในท้ายของดินสอ ทั้งที่สองสิ่งอยู่ขั้วตรงข้ามกัน สิ่งหนึ่งมีไว้เขียน อีกสิ่งหนึ่งมีไว้ลบ จนกลายเป็นสิ่งที่เราใช้งานจนถึงปัจจุบัน นั่นคือนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนให้สังคมก้าวไปข้างหน้า การนำนวัตกรรมและวัฒนธรรมสองสิ่งนี้มารวมกัน เป็นสิ่งที่น่าสนใจโดยผ่านการพิสูจน์มาแล้วบนเวทีโลกในหลาย ๆ สาขาว่าสามารถประสบความสำเร็จได้ ว่าทำไมเราถึงให้ความสำคัญของ Soft Power

แนวทางในการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้มีไอเดียสร้างสรรค์ผลงาน ที่จะสามารถเป็น Soft Power ได้

1. รัฐต้องส่งเสริม ที่สำคัญกว่าการส่งเสริม คือ “ส่งเสริมอย่างไรให้ต่อเนื่อง” ส่งเสริมให้สม่ำเสมอ เช่น ให้โอกาสมากกว่าหรือไม่ สนับสนุนในด้านต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง

 2. นอกเหนือจากการส่งเสริมจากภาครัฐแล้ว บรรยากาศของสังคม เป็นสิ่งที่สำคัญมากแล้ว ที่จะเอื้อให้เกิดการสร้าง Soft power ให้เกิดขึ้นได้ โดยเป็นบรรยากาศของสังคมที่กล้าปล่อยให้ผู้ประกอบการใหม่ ๆ ได้กล้าคิด กล้าแสดงออก กล้าวิจารณ์ และ กล้าเสนอแนะ รวมไปถึงนำคำวิจารณ์หรือคำเสนอแนะเหล่านั้นไปต่อยอด แก้ไข ถ้าหากไปจำกัดสิ่งเหล่านี้ให้อยู่ในกรอบโดยไม่รับฟังคำวิจารณ์หรือข้อเสนอแนะเหล่านั้น จะทำให้คนเหล่านี้อยู่ในบรรยากาศของสังคมที่ไม่เอื้อต่อการเกิด Soft power ซึ่งคนเหล่านี้รวมทั้งคนไทยในปัจจุบันมีทักษะเฉพาะตัวแล้ว ปัจจุบัน 2 ปัจจัยที่กล่าวมาอาจจะยังไม่เอื้อให้คนเหล่านี้ได้แสดงออกมาได้เท่านั้นเอง

คนรุ่นใหม่ควรมีทักษะหรือมุมมองอย่างไรในการสร้างหรือพัฒนาตัวเองให้โดดเด่นมีความเป็นตัวของตัวเอง

ความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราศึกษาจากความสำเร็จของตัวอย่างจากต่างประเทศ สิ่งที่เราควรทำคือ “การฝึกมองปัญหาให้เป็นต้นทุน” เช่น ประเทศเกาหลีมีภาพยนตร์และภาพยนตร์ชุดที่หลากหลาย มีการหยิบเรื่องของปัญหาของสิ่งที่ถูกปิดกั้นในสังคมมาใส่ Storytelling ลงไป สุดท้ายกลายมาเป็นชิ้นงานที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ยกตัวอย่างเรื่อง Parasite เป็นการพูดถึงเรื่องชนชั้นทางสังคม รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เป็นสากล ทำให้สามารถทำให้ประสบความสำเร็จบนเวทีโลกได้ ซึ่งถ้าเราตั้งใจสังเกต ปัญหาเรื่องชนชั้นทางสังคมและความเหลื่อมล้ำ เกิดขึ้นมากมายในสังคมไทย ที่ผ่านมามีศิลปินที่ทำดนตรีได้หยิบปัญหาเหล่านี้ออกมาถ่ายทอดอย่างมากมาย ความเป็นจริงควรมีการสนับสนุนให้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมด้านอื่น ๆ ในการหยิบปัญหาเหล่านี้ให้กลายมาเป็นต้นทุนในการผลิตชิ้นงาน ถ้าเราได้ฝึกกระบวนการนี้และมองถึงลำดับขั้นตอนแล้ว สามารถเปลี่ยนจากปัญหาให้กลายเป็นต้นทุนในการทำงานของเราได้

การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการตั้งคำถาม หรือ พื้นที่ให้แลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็น มีความสำคัญอย่างไรต่อการสร้างไอเดียใหม่ ๆ

คำว่าปลอดภัยในที่นี้ เราต้องเข้าใจว่า ต้องเป็นพื้นที่สำหรับการรับฟังด้วย หลายครั้งเราจะเห็นจากข่าว หรือ สื่อต่าง ๆ ว่า แสดงออกว่ารับฟังและเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ยินเสียงที่เราต้องการจะสื่อออกไป ทำให้สิ่งนั้นไม่ได้ถูกนำมาพัฒนาต่อยอด จาก Soft power ที่กล่าวมา คือ ความคิด หลายสิ่งในบ้านเมืองเราไม่สามารถนำมาแก้ไขได้ เพราะติดอยู่ในระบบของกฎเกณฑ์ทางด้านกฎหมายหรือความเสถียรภาพทางการเมือง แต่ความคิดเป็นสิ่งที่สามารถล่วงหน้าไปได้ก่อน ถ้ามีพื้นที่ที่ปลอดภัย สามารถรับฟังได้อย่างตั้งใจจริง จะเอื้อประโยชน์ได้อย่างแน่นอน ที่จะทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ได้ในอุตสาหกรรม นอกจากพื้นที่ในการรับฟังแล้ว ยังต้องมีพื้นที่ให้ล้ม และทดลอง เมื่อมีพื้นที่ให้ล้มแล้ว พื้นที่นี้ต้องนุ่มมากพอที่จะทำให้ได้ลุกกลับขึ้นมาใหม่และสู้ต่อไปได้ เมื่อเรามีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการรับฟัง และ พื้นที่สำหรับการลองผิดลองถูกแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดต้องมีการประเมินสถานการณ์เข้ามาควบคู่กัน เพื่อหาสิ่งที่มารองรับในนวัตกรรมที่เกิดขึ้นกับวัฒนธรรมในส่วนนี้ ซึ่งถ้าไม่มีการประเมินผลและเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับในส่วนนี้ สิ่งที่เราทำมาจะไม่เกิดประโยชน์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ดังนั้นสามสิ่งนี้เป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิดพื้นที่ปลอดภัย